19 มีนาคม 2555

มะเฟือง


  มะเฟือง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลักษณะเป็นทรงพุ่ม มีทั้งลักษณะตั้งตรงและกึ่งเลื้อย เป็นไม้เนื้ออ่อน โตช้า สูงไม่เกิน 30 ฟุต แกนกลางมีไส้คล้ายฟองน้ำสีแดงอ่อน ลำต้นสีน้ำตาล เปลือกลำต้นไม่เรียบ

          ใบเป็น ใบประกอบ รูปใบมนรี ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ก้านใบสั้น ใบด้านบนเรียบด้านล่างมีขนบาง ใบย่อยที่ปลายก้านมักใหญ่ ใบเรียงตัวแบบเกลียว

          ดอกมะเฟือง ออกตามซอกใบเป็นช่อสั้นๆ มีสีชมพูอ่อนไปจนถึงเกือบแดงตรงกลางหลอดดอกมีสีเหลือง มีกลีบดอก 5 กลีบ ปลายกลีบโค้งงอ โคนกลีบดอกจะมีสีเข้มกว่าปลายกลีบ ดอกมีกลิ่นหอม

          ผลอวบ น้ำมีรูปร่างแปลก ยาวได้ถึง 5 นิ้ว ผลหยักเว้าเป็นร่องลึก 5 ร่อง ผลอ่อนสีเขียว สุกแล้วมีสีเหลืองใส เปลือกผลบางเรียบมันรับประทานได้ เวลาหั่นขวางจะเป็นรูปดาวสวยงาม  มีเมล็ดรีสีน้ำตาล สามารถกินได้ทั้งผลสุกและผลอ่อน



http://www.vcharkarn.com/varticle/40354

15 มีนาคม 2555

อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม


           เมื่อนึกถึงหุ่นขี้ผึ้ง หลายท่านอาจนึกถึงพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ที่จังหวัดนครปฐม เพราะที่นั่นก่อตั้งมาก่อน  สำหรับอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามที่ราชบุรี เริ่มเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ  เพราะที่นี่มีเอกลักษณ์ที่ต่างออกไป  หุ่นที่ไม่เหมือนกัน  บรรยากาศที่ร่มรื่น ในเนื้อที่ถึง 14 ไร่ เมื่อผ่านประตูเข้าไปคุณจะสัมผัสบรรยากาศหลายๆ แบบ แต่ละจุดจะทำให้คุณเกิดความประทับใจอย่างแน่นอน  และยังมีการจัดกิจกรรมขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ และสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ทำให้หลายคนที่เคยมา หวนกลับมาแวะเที่ยวชมที่นี่อีกครั้ง
              อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามเกิดขึ้น จากความตั้งใจ และความคิดของท่านผู้ก่อตั้งซึ่งมีรากฐานการเริ่มต้นของงานมาจากงานหล่อพระพุทธรูป งานหล่อประติมากรรมรูปต่างๆ นับจากอดีตจนสู่ปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า ๔๐ ปีที่ผ่านมา จากประสบการณ์ทำให้ผู้ก่อตั้งมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ ผลงานประติมากรรมรูปเหมือน ของพระสงฆ์รูปต่างๆ ซึ่งจำพรรษาในกุฏิ และรูปเหมือนบุคคลสำคัญต่างๆที่ท่านผู้ก่อตั้ง มีความศรัทธายกย่อง ในด้าน แนวความคิด ในการทำงาน และการดำเนินชีวิต จนประสบความสำเร็จ รวมทั้งรูปเหมือน วิถีชีวิตวัฒนธรรม ความเป็นไทย ใน ภาคต่างๆ ของประเทศไทย จึงได้เริ่มก่อตั้ง โครงการอุทยาน หุ่นขี้ผึ้งสยามขึ้นมา ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ และด้วยความ มุ่งมั่น ที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ จากความเชื่อมั่น ในคำสอน เรื่องทำความดี ความศรัทธาในบุคคล กำลังใจจากครูอาจารย์ เพื่อนมิตรและครอบครัว ทำให้โครงการ อุทยานหุ่นขี้ผึ้ง ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จะนำเสนอ งานสร้างสรรค์ ด้านศิลปะ วัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมไทย นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อสืบทอด สิ่งดีงามเอกลักษณ์ ของไทยให้คงอยู่สืบต่อชนรุ่นหลัง
วัตถุประสงค์
๑. เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนทางจิตใจ
๒. เพื่อเป็นแหล่งการศึกษาการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาในปัจจุบัน
๓. เพื่อปลูกจิตสำนึกในการดำเนินชีวิต
๔. เพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาสำหรับเยาวชน
๕. เพื่ออนุรักษ์สืบสานศิลปะและวัฒนธรรมไทย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สถานที่ต่างๆ ในอุทยานฯ
1. อาคารเชิดชูเกียรติ เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างของอาคารจัดแสดงเรื่องราวรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส ของบุคคล สำคัญทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาค โดยบุคคลสำคัญที่ถูกเลือกมานำเสนอนั้น ล้วนเป็นผู้ ที่มีเกียรติ ประวัติ และคุณความดี ในการสร้างสรรค์ ผลงานอันเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวม จนได้รับการยกย่องนับถือ ให้เป็น แบบอย่างที่ดีทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ อาทิ ม.ล. ปิ่น มาลากุล , ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ,ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ , อาจารย์ มนตรี ตราโมท , สืบ นาคะเสถียร ,แม่ชีเทเรซ่า ,ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ , เหมา เจ๋อ ตุง และ เติ้ง เสี่ยว ผิง  เป็นต้น
2. ลานพระสามสมัย เป็นสถานที่แสดง พระพุทธรูปในยุคสมัยอยุธยา สมัยสุโขทัย และสมัยเชียงแสน(ล้านนา) โดยจำลองสถานที่เป็นโบราณสถาน เสมือนสถานที่จริง ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่
3. ถ้ำชาดก ภาย ในถ้ำเป็นการแสดงหุ่น ที่เล่าเรื่องราวของ พระเวสสันดร ที่ได้บำเพ็ญเพียรทานบารมี เป็นเรื่องที่มี คติธรรม ที่สอนในเรื่อง ของการให้ ระหว่างพระเวสสันดร ผู้เสียสละโดยเป็นผู้ให้ และชูชกเป็นฝ่ายรับ และไม่รู้จักคำว่าพอ ชูชก มีอาชีพ ขอทานจนร่ำรวย แต่ก็ยังคงออกขอทานต่อไป เพราะไม่รู้จักพอ จึงนำเงินไปฝากไว้ ที่เพื่อน เพราะกลัวเงิน จะสูญ หาย ชูชกออกขอทาน เป็นเวลานานจนเพื่อนคิดว่า เสียชีวิตแล้วจึงนำเงินไปใช้จนหมด จึงต้องยก อมิตดา ให้เป็นภรรยาชูชก เป็นการใช้หนี้ ….
4. กุฏิพระสงฆ์  เมื่อเราเข้ามาในบริเวณนี้  เริ่มก้าวขึ้นบันได้สู่กุฏิพระ เสมือนเราได้มากราบไหว้ท่านจริงๆ เพราะสิ่งแวดล้อม กุฏิพระทรงไทย ทุกอย่างเหมือนจนคุณต้องสำรวมเพราะเหมือนท่านอยู่ ณ ที่นี้ด้วย
5. บ้านไทยสี่ภาค  เป็นการ จำลองบ้านไทยตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดจาก ๔ ภาคในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอิสาน และภาคใต้ ภายในบ้านแต่ละหลังจำลองวิถีชีวิตความเป็น อยู่ของคนไทยในแต่ละภาค ที่สอดคล้อง กับสภาพสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
6. ลานพระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร   ในความหมายของ “พระโพธิสัตว์” คือ อริยบุคคล ที่ได้บรรลุอรหันต์ ทรงได้ตรัสรู้แล้ว แต่ยังไม่ยินดี ด้วยการเสด็จ ดับขันธ์ ปรินิพพาน ทรงมีปณิธานว่า จะอยู่คอยช่วยเหล่าสรรพสัตว์ ในโลกมนุษย์ก่อน จนถึงคนสุดท้าย ตามความเชื่อ ของศาสนาพุทธ นิกายมหายาน สัทธิตรันตระ เกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 9- 10
ภายในเนื้อที่อันกว้างขวางและร่มรื่นของทางอุทยาน หุ่นขี้ผึ้งสยาม มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ อาทิ น้ำตกจำลองขนาดใหญ่ตรงทางออกของถ้ำ ชูชก ซึ่งสร้างขึ้นจากการนำก้อนหิน ขนาดมหึมา หลายก้อนมาจัดวาง ให้ลดหลั่นกันอย่างสวยงาม และเป็นธรรมชาติ มีบ้าน กาแฟที่ให้บริการ เครื่องดื่ม อย่างกาแฟสด และน้ำสมุนไพรต่างๆ พร้อมกับมุมนั่งพักริมลำธาร รวม ๒ หลังด้วยกัน โดยบ้าน กาแฟหลังแรกตั้งอยู่ใกล้กับถ้ำชูชก ส่วน หลังที่สองตั้งอยู่ระหว่างบ้านไทย ๔ ภาค และ ลานพระโพธิสัตว์ฯ นอกจากนี้ ภายในจุดแสดง งาน ต่างๆ ของ ทางอุทยาน และบริเวณทางเดิน ยังมี เก้าอี้ วางไว้เป็นจุดๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยว สามารถ นั่งพัก และชื่นชมธรรมชาติภายใน อุทยาน ได้ตลอด เวลา ส่วนหน้าของอุทยาน หุ่นขี้ผึ้งสยาม ตรงข้าม กับลานจอดรถ มีร้าน อาหาร ศูนย์จำหน่าย สินค้า โอท็อปห้าดาว และของที่ระลึกจากทั่วประเทศ และห้องแสดง งานศิลปะ ซึ่งนัก ท่องเที่ยวสามารถ เดินชม และเลือกซื้อผลงานอันสวยงามและมีค่า จาก หลากหลายศิลปินได้
การเดินทาง…
คลิกเพื่อดูขนาดใหญ่
ที่กิน…
ภายในอุทยานมีร้านอาหารขายในราคาไม่แพง  ร้านกาแฟ ไอศรีม เป็นจุดแวะพักที่เก๋ทีเดียว
สถานที่จอดรถ…
สถานที่กว้างขวางจอดรถสบาย
ราคาบัตรเข้าชม…
ผู้ใหญ่  50  บาท
เด็ก   20 บาท
วันและเวลา เปิดทำการ…
เวลาจำหน่ายบัตร วันจันทร์-วันศุกร์ : ๐๙.๐๐-๑๖.๓๐ น.
วันเสาร์,วันอาทิตย์ : ๐๘.๓๐-๑๗.๐๐ น.
วันหยุดนัตขฤกษ์ : ๐๘.๓๐-๑๗.๐๐ น.
ที่อยู่ 41/1 ม.3 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี 70160
โทรศัพท์ 032381401, 032381404
โทรสาร 032381403

ค้างคาวร้อยล้าน วัดเขาช่องพราน

ยามอาทิตย์ใกล้อัสดง   แสงสุดท้ายจากขอบฟ้ากำลังจะลับหายไป  เหล่านกบินกลับรัง  แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในบริเวณวัดเขาช่องพราน เป็นประจำทุกวัน อันเป็นที่กล่าวขานลือไกลถึง บรรดาค้างคาวหนูจำนวนมหาศาลร้อยล้านตัว บินออกจากถ้ำเป็นสายควันดำโบกสะบัดเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวไปมา เป็นเวลากว่า 1 ชม. เพื่อออกหากินและจะกลับมายังบริเวณถ้ำแห่งนี้อีกครั้งก่อนอรุณรุ่ง  เป็นภาพอันน่าประทับใจ  ของปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ  เป็นอย่างยิ่ง  ทางวัดเขาช่องพราน  จึงได้ร่วมกันปรับปรุงสถานที่ให้สวยงาม และเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมค้างคาว   ที่วัดเขาช่องพรานนี้มีลานจอดรถกว้างขวาง และมีร้านอาหาร ไว้บริการผู้ที่เข้ามาชมด้วย (ยังมีมูลค้างคาวที่เขานำมาจำหน่าย ถ้าสนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.032-354643)
สถานที่เที่ยวภายในวัดเขาช่องพราน
  • ถ้ำพระนอน  ลึกประมาณ 120 เมตร ภายในถ้ำมีที่กว้างบ้าง แคบบ้างที่กว้างที่สุดประมาณ 14 เมตร  มีพระพุทธไสยาสน์อยู่  1 องค์ขนาดยาวประมาณ 8 เมตร  สูงประมาณ 1 เมตร  และมีพระพุทธรูปต่างๆ ในถ้ำอีกประมาณกว่า  200 องค์  ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้สร้างแต่สันนิษฐานว่าใครสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาบ้าง สุโขทัยบ้าง
  • ขึ้นบันได 499 ขั้น ชมทิวทัศน์บนยอดเขา นมัสการพระบรมธาตุบวรวิสุทธิเจดีย์  ตรงจุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกล ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า  และอยู่เหนือปากถ้ำค้างคาว สามารถมองเห็นค้างคาวออกจากถ้ำจากมุมนี้ได้
  • ถ้ำค้างคาว  ซึ่งอยู่ห่างจากปากถ้ำพระนอนประมาณ 40 เมตร  ปากถ้ำอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร  ปากถ้ำกว้างประมาณ 1 เมตร ภายในกว้างมากและมืดทึบ  เป็นที่อาศัยของค้างคาวหนูจำนวนมากหลายล้านตัว ทุกวันเวลาประมาณ 18.00-18.30 น. ค้างคาวจะบินออกจากถ้ำไปหากินและจะบินกลับเข้าถ้ำเวลารุ่งเช้า 05.00 น.  สิ่งที่น่าประทับใจสำหรับนักท่องเที่ยวคือ  การมาดูค้างคาวบินออกจากปากถ้ำด้วยความเร็วพร้อมกันโดยมีจ่าฝูงเป็นตัวนำ มีลักษณะคล้ายควันดำที่พุ่งออกจากปล่องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
  • ตลาดนัดตอนเย็น (เปิดเป็นบางวัน) มีอาหารอร่อยให้เลือกหลากหลาย และสินค้าใช้สอยอื่นๆ  เปิดบริเวณลานกว้างในวัดเขาช่องพราน
ข้อมูลท่องเที่ยว
ที่ตั้ง : วัดเขาช่องพราน หมู่ที่ 2 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
GPS : N13.71815483284051 , E99.77144837379456
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : 18.00 น. – 19.30 น. (ช่วงฤดูฝนควรเช็คสภาพอากาศ ฝนอาจตกในช่วงเย็น) หากต้องการขึ้นไปจุดชมวิวบนยอดเขาและนมัสการพระบรมธาตุบวรวิสุทธิเจดีย์  ควรเผื่อเวลาไว้อีก 2 ชม.
ค่าธรรมเนียม : ฟรี
ร้านอาหาร : ช่วงเย็นจะมีร้านอาหารเปิดบริการ บางวันมีตลาดนัด อาหารหลากหลายให้เลือก
การเดินทาง : รถส่วนตัว – ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่จะไป จ.กาญจนบุรี จะผ่านสหกรโคนมหนองโพธิ์ จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไปยัง จ.ราชบุรี (ไม่ต้องขึ้นสะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ขับมาประมาณ 5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ประมาณ 11.6 กม. จะพบวัดเขาช่องพราน ติดถนนทางด้านขวามือ
สถานที่จอดรถ : กว้างขวางมาก
สิ่งอำนวยความสะดวก : ศูนย์บริการการท่องเที่ยวเทศบาลตำบลเขาขวาง(ห้องสมุดการเรียนรู้เพื่อชุมชน), ตลาดนัดตอนเย็น
Tip แนะนำ
  • ที่นี่ยังมีมูลค้างคาวที่เขานำมาจำหน่าย ถ้าสนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.032-354643
  • การขึ้นบันได 499 ขั้นสู่ยอดเขา เพื่อชมวิวทิวทัศน์ และนมัสการพระบรมธาตุบวรวิสุทธิเจดีย์ ต้องมีสภาพร่างกายพร้อมพอสมควร
  • ถ้ำต่างๆ ที่เขาช่องพราน มีกลิ่นมูลค้างคาวค่อนข้างเหม็น เตรียมผ้าปิดจมูก หรือยาดมไว้ก็น่าจะดี
  • ช่วงเวลาที่รอชมค้างคาว อาจเดินเล่นตลาดนัด(มีเป็นบางวัน)ของกินเพียบ หรืออาจจะไปใช้อินเตอร์เน็ต อ่านหนังสือ ที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวเทศบาลตำบลเขาขวาง(ห้องสมุดการเรียนรู้เพื่อชุมชน)
  • หากมาเที่ยวในฤดูแล้ง ป่าไม้บนเขาช่องพรานจะแห้งผลัดใบร่วง  และในช่วงฤดูฝน-หนาว ป่าบนภูเขาจะเขียวชะอุ่ม แต่ข้อเสียในช่วงฤดูฝนกลิ่นมูลค้างคาวค่อนข้างมีกลิ่นแรง มากกว่าฤดูแร้ง ซึ่งกลิ่นจะมีผลสำหรับผู้ต้องการเข้าไปในถ้ำพระนอน
เรื่องเล่าวัดเขาช่องพราน
วัดเขาช่องพรานเป็นวัดที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์เริ่มก่อสร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2409  หรือในหลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.4)  โดยพระยาเทพประชุน(ปั้น) ต้นตระกูล “ปันยารชุน” ซึ่งบ้านเดิมอยู่ที่วัดคงคารามอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี  ได้บริจาคที่ดินผืนใหญ่ซึ่งเดิมเป็นป่าอยู่ระหว่างเขา 2 ลูก  คือ ระหว่างเขาช่องพรานกับเขาขวาง  แต่ปัจจุบันนี้โล่งกลายเป็นทุ่งนาไปแล้ว
โดยร่วมกับพระครูรามัญบดี (พระอาจารย์ศาล)และญาติมิตรเชื้อสายมอญในละแวกนั้น  สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2415  หรือในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5)  วัดนี้อยู่ในสถานที่กว้างขวางและสวยงาม  เพราะสร้างขึ้นที่ข่องเขา 2 ลูก  ซึ่งเดิมเป็นทางเดินขอสัตว์ป่าที่ลงมากินน้ำที่หนองน้ำขนาดใหญ่ ดังนั้น  นายพรานจึงมักมาคอยดักยิงสัตว์เป็นประจำ  จึงตั้งชื่อว่า “เขาช่องพราน” และสร้างวัดเสร็จจึงตั้งชื่อว่า “วัดเขาช่องพราน”
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระองค์ท่านได้ทรงรับสั่งให้พระยาอินทรอภัยยกกำลังไปตั้งรักษาหนองน้ำที่เขาช่องพรานเพื่อสกัดกั้นกองทัพพม่าที่มาใช้น้ำจากหนองน้ำแห่งนี้  เลี้ยงช้างเลี้ยงม้าของตนและใช้ช่องเขานี้เป็นทางลำเลียงเสบียงอาหารด้วย  พระยาเทพประชุน  ได้นำคนไปสร้างวัดนี้เป็นจำนวนมาก  ครั้นเมื่อสร้างเสร็จได้ให้คนเหล่านั้นอาศัยบริเวณวัดต่อไป  เพื่อช่วยปลูกข้าวถวายให้แก่พระภิกษุสามเณรที่จำพรรษาที่วัด  เพราะขณะนั้นบ้านเรือนราษฎรยังไม่หนาแน่น  โดยมอบเนื้อที่ทำนาให้ประมาณ 80 ไร่และเล่ากันต่อมาว่ามีคนอาศัยทำนาประมาณ 10 ครอบครัว  วัดเริ่มสร้างเพียงศาลาและกุฎีหลังเล็กๆ มีพระประจำวัดเพียงไ่ม่กี่องค์  ต่อมาจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นตามลำดับ  โดยมีพระครูรามัญดี(พระอาจารย์ศาล) เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
ในปี พ.ศ. 2457 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้ทรงนำกองเสือป่าประทับแรมที่บริเวณวัดเขาช่องพรานและให้บรรดาผู้ติดตามเสด็จนั้น  มีพระยาราชสงครามและพระยาปรีชานุสาร์น(บุตรชายพระยาเทพประชุนทั้งสองท่าน) และเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (บุตรเขยพระยาเทพประชุน)รวมอยู่ด้วย  เมื่อเห็นสภาพวัดเขาช่องพรานที่ทรุดโทรมดังนั้นในปี พ.ศ. 2460 ทั้ง 2 ท่านจึงได้ช่วยกันทำการบูรณะช่วยซ่อมแซมเป็นการใหญ่  พร้อมทั้งสร้างแท่นพระพุทธรูปในพระอุโบสถด้วย
อนึ่งเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 คณะกรรมการวัดได้กระทำพิธีอัญเชิญพระอูรังคธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ 4 สัญฐาน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันตธาตุ  ขึ้นไปประดิษฐาน ณ บวรวิสุทธิเจดีย์บนยอดเขา  เพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช  รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมมหาจักรีวงศ์  ในวาระทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของพระพุทธศาสนิกชน

ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์







11 มีนาคม 2555

แผนที่ท่องเที่ยว


       
www.เที่ยวราชบุรี.com http://www.chatpaway.com/images/ratchaburi-map.jpg

.

อุทยานหินเขางู


อุทยานหินเขางู  อยู่ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 8  กิโลเมตร ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี  แต่เดิมเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นปูนที่มีคุณภาพดี ต่อมาทั้งภาครัฐและประชาชนได้เล็งเห็นถึงความเสื่อมโทรมของสภาพภูมิประเทศ และวิวทิวทัศน์ อีกทั้งที่เขางูนี้ยังเป็นศาสนสถานอันเก่าแก่ จึงได้มีการยกเลิกสัมปทานการระเบิดและย่อยหินที่บริเวณนี้ไป หลังจากยกเลิกสัมปทาน เขางูกลายเป็นเหมืองร้าง มีสภาพทรุดโทรม ทางจังหวัดราชบุรีจึงได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณคดี ได้สร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ เต็มพื้นที่หน้าผา สร้างจากการยิงแสงเลเซอร์ลงหน้าผาหิน ต่อมาได้เพิ่มการท่องเที่ยวแนวผจญภัยเข้าไปเรียกว่า ‘เขางู แอดเวนเจอร์ ปาร์ค’ โดยมีเทศบาลตำบลเขางูเป็นผู้ดูแลรักษา ภายในอุทยานหินเขางูแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเป็นถ้ำที่อยู่บนภูเขามีถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถและถ้ำจีน-จาม แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง บริเวณรอบๆก็จะมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ภายในอุทยานหินเขางูแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเป็นถ้ำที่อยู่บนภูเขามีถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถและถ้ำจีน-จาม แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง บริเวณรอบๆก็จะมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ภายในถ้ำต่างๆนี้พบพระพุทธรูปจำหลัก หรือพระพุทธรูปที่สลักหินที่ฝาผนังถ้ำอยู่หลายองค์ ซึ่งพระพุทธรูปเหล่านี้เป็นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยทวารวดีเลยทีเดียว
ถ้ำในบริเวณอุทยานหินเขางู
  • ถ้ำฤๅษี พบพระพุทธรูปสมัยทวารวดี 2 องค์ องค์แรกประทับห้อยพระบาท (ประลัมพปาทาสนะ) พระหัตถ์ขวาอยู่ในปางแสดงธรรม (วิตรรกมุทรา) พระหัตถ์ซ้ายวางในพระเพลา ระหว่างพระบาทมีจารึกว่า ปุญกรมชฺระ ศฺรีสมาธิคุปฺต (ะ) แปลว่า พระศรีสมาธิคุปตะเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยการกระทำบุญ อีกฟากของผนังถ้ำมีพระพุทธรูปยืนปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางสมาธิอื่นๆอีกหลายองค์
  • ถ้ำฝาโถ พบพระพุทธรูปนอนจำหลักปางมหาปรินิพพานมีประภามณฑลและลายปูนปั้นรูปต้นสาละ ด้านบนมีรูปเทพชุมนุม ผนังด้านตรงข้ามมีภาพสาวก2 องค์
  • ถ้ำจีน พบพระพุทธรูปจำหลัก 2 องค์ ปางสมาธิ พระหัตถ์แสดงวิตรรกมุทรา มีร่องรอยของการพอกปูนทับ องค์ที่อยู่ใกล้ปากถ้ำมีรอยหักพัง ไม่สมบูรณ์
  • ถ้ำจาม พบพบพระพุทธรูปนอนจำหลักปางมหาปรินิพพาน และภาพยมกปาฏิหาริย์ มีภาพปูนปั้นรูปต้นมะม่วง ถัดมายังพบรูปบุคคลยืนซ้อนกันและรูปพญานาคอีกด้วย
และที่ถ้ำเขางูแห่งนี้จะมีงานนมัสการเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11
พุทธสถานแต่ละถ้ำนี้ น่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เนื่องจากมีลักษณะทางศิลปกรรมมีความใกล้เคียงกัน และจากการเปรียบเทียบกับงานศิลปะอื่นๆก็สามารถกำหนดช่วงเวลาของศิลปะบริเวณ เขางูนี้ได้ว่า อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่13-14 นี่เองและด้วยความสมบูรณ์และจำนวนพุทธศิลป์ที่มีอยู่มากที่เขางูนี้ จึงแสดงให้เห็นว่าที่ถ้ำเขางูนี้น่าจะเป็นศาสนสถานที่สำคัญของดินแดนแถบนี้ เหมือนเมืองสำคัญๆเช่น เมืองนครปฐมโบราณ
แกลอรี่ภาพอุทยานเขางู
การเดินทาง…
- รถยนต์ส่วนตัว  เส้นทางที่ 1 ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3087 ถนนสายราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร จะพบสี่แยกให้เลี้ยวขวาแล้วขับมาประมาณ 1 กม. จะพบ อุทยานหินเขางู อยู่ด้านซ้ายมือ
เส้นทางที่ 2 มาจากทางหลวงหมายเลข 3089 ( จากทางวัดหนองหอย) จะพบอุทยานหินเขางู อยู่ด้านขวามือ
- รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารประจำทางจากตัวอำเภอเมืองจังหวัดราชบุรี
ที่กิน…
บริเวณถนนด้านหน้าทางเข้าอุทยานมีร้านอาหารบริการพอสมควร  ภายในอุทยานมี ร้านอาหารอุทยานหินเขางู
เวลาเปิดทำการ…
ไม่เสียค่าเข้าชม  8.00 น. – 18.00 น.  ฤดูท่องเที่ยวที่แนะนำคือ ฝนและหนาว สำหรับฤดูร้อนตอนกลางวันที่นี่อากาศค่อนข้างร้อนจัดเพราะเป็นภูเขาหินปูน  ต้นไม้จะแห้งเปลี่ยนสีไม่ร่มรื่น แต่ในช่วงเย็นของหน้าร้อนที่นี่ลมจะดีมากเหมาะแก่การออกกำลังกายในตอนเย็น
แผนที่ พิกัดอุทยานเขางู ….

ธนาคารกรุงไทย จำกัด


ธนาคารกรุงไทย จำกัด 

บัญชีออมทรัพย์ 

เลขที่  705-1455-656

ชื่อบัญชี  นางดวงใจ ผาโพธิ์  

วัดพระศรีอารย์ โบสถ์ร้อยล้าน

อุโบสถทองคำร้อยล้าน The Golden Ubosot at Wat Phra Si An  อุโบสถทองคำร้อยล้าน ณ วัดพระศรีอารย์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีแสดงถึงความยิ่งใหญ่อลังการแห่งพลังศรัทธาของชาวราชบุรีที่มีต่อ พระพุทธศาสนาในการก่อสร้างอุโบสถทองคำมูลค่าร้อยล้าน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 37 ปี
  • ชมลวดลายปูนปั้นที่สร้างขึ้นเฉพาะไม่มีแบบสำเร็จรูป
  • ฝาผนังแต่งแต้มด้วย จิตรกรรมเรื่องพระมหาชนก พระเจ้า ๕ พระองค์
  • กราบไหว้พระศรีอารย์พระพุทธรูปคู่วัด  พระพุทธลักษณะสมัยคันธาระ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนเคารพกราบไหว้
  • พระประธาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่า สร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์
  • กราบสักการะร่าง ของหลวงพ่อขันธ์ที่ ไม่เน่าเปื่อยอยู่ในโลงแก้ว
  • ชมโบสถ์หลังเก่าและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
  • แหล่งเรียนรู้การทำว่าวไทยกับปราชญ์ชาวบ้าน
  • ศูนย์อบรมค่ายพุทธบุตร สอนให้ยุวชนเข้าใจถึงหลักคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
เหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาที่ วัดพระศรีอารย์
แกลอรี่รูปภาพ

ประวัติวัดพระศรีอารย์
วัดพระศรีอารย์ ตั้งอยู่เลขที่ 139 ซอยสุขาภิบาล 8 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่โดยประมาณ 40 ไร่ รอบๆบริเวณวัดโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้ใหญ่อยู่มากมาย มีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การใช้เป็นแหล่งปฏิบัติธรรม  แต่เดิมสร้างสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี 2275 มีอายุประมาณ 280 ปี เดิมชื่อวัดสระอาน ไม่มีพระภิกษุมาอยู่จำพรรษา   อุโบสถเดิมก่ออิฐถือปูนขนาด กว้าง 4 เมตร ยาว 9 เมตร เป็นอุโบสถมหาอุดเข้าออกได้ทางเดียว มีสระน้ำโบราณอยู่คู่กับ อุโบสถด้านทิศเหนือ มีน้ำขังตลอดทั้งปี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสระน้ำเก่าที่ศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ขุดค้นพบนั้นมีสภาพเก่าชำรุดทรุดโทรมมาก ภายในอุโบสถมีพระประธานที่เก่าแก่ เป็นอิฐเผาถือปูน บริเวณรอบๆ อุโบสถเป็นป่ามีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมอยู่ จนถึงประมาณปี 2475  เริ่มมีพระภิกษุเข้ามาพักจำพรรษาเรื่อยมาในปี 2500 ได้เปลี่ยนชื่อจาก วัดสระอาน มาเป็น วัดพระศรีอารย์
อุโบสถทองคำร้อยล้าน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 37 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510  โดย พระครูสิริพัฒนกิจ (หลวงพ่อขันธ์ กนฺตธโร) อดีตเจ้าวัดพระศรีอารย ์ เป็นผู้ริเริ่ม และได้รับ พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๐ การก่อสร้าง อุโบสถครั้งนี้ เพื่อใช้เป็น สถานที่ประกอบพิธีกรรมของภิกษุสงฆ์ อีกทั้ง ยังเป็น กาาแสดงถึงมรดกของไทย ด้านศิลปกรรม และจิตรกรรม  อุโบสถทำจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๔๐ เมตร ประดับด้วยลวดลายรูปปั้น เป็นฝีมือช่างพื้นบ้าน อุโบสถหลังใหม่นี้ไม่มีแบบสำเร็จรูป เป็นการสร้างตามแบบที่หลวงพ่อขันธ์ ต้องการ และที่ สำคัญไม่มีการตอกเสาเข็ม เพราะ ในสมัยนั้น การก่อสร้างในต่างจังหวัด ยังไม่มีการ ตอกเสาเข็ม เพียงแต่นำหินมาถมและเทคานรองรับเพื่อสร้างตัวอุโบสถได้เลย ช่างผู้รับงานก่อสร้างเป็นคนบ้านพระศรีอารย์ ส่วนแรงงานเป็นการลงแรงของคนในชุมชน และใกล้เคียง การก่อสร้าง  ส่วนมากทำในเวลาที่ว่างจากงานประจำของชาวบ้าน กระทั่งในปี ๒๕๑๗ เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ชาวบ้านหวั่นวิตกว่า อุโบสถที่อยู่ระหว่าง ก่อสร้างจะพังลงมา เพราะไม่มีเสาเข็ม แต่หลัง จากน้ำลดลงแล้ว ไม่ปรากฏความเสียหายใดๆ
การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงระยะหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อขันธ์มรณภาพ พระครูวิทิตพัฒนโสภณ (สง่า ฐานิสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ รูปปัจจุบันได้เป็นผู้สานต่องานทั้งหมด ต่อมา นายประเสริฐ อรชร ได้เข้ามารับช่วงการก่อสร้างต่อ จึงได้ดำเนินการเทคานรอบตัวอาคาร อีกครั้ง เพื่อความมั่นคง การ ก่อสร้างในสมัยที่นายประเสริฐเข้ามารับงานนี้ เป็นการตกแต่งเพื่อความสมบูรณ์มากกว่า เพราะโครงสร้างของอาคาร ได้เสร็จก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น งานใหญ่ที่สำคัญคือ การติดลายปูนปั้นต่าง ทั้งภายในและรอบนอกอุโบสถ
ส่วนพระประธาน ในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่า สร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์ โดยมี หลวงพ่ออุตตมะ (พระราชสังวรอุดม) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี เป็นประธานในการอัญเชิญ มาประดิษฐานไว้ ณ อุโบสถร้อยล้านหลังนี้ เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๓๖ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปคู่วัด คือ พระศรีอารย์ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่พิมพ์พระศรีอารย์ซึ่งมีลักษณะเด่น คือ มีตาลปัตรอยู่ด้านหน้าองค์พระพุทธรูป จีวรจับกลีบคล้ายพระพุทธลักษณะสมัยคันธาระ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนเคารพกราบไหว้
ภายในอุโบสถติดกระจก ลงรักปิดทองบานประตู หน้าต่าง แกะสลักเรื่อง พุทธประวัติ ฝาผนัง แต่งแต้มด้วย จิตรกรรม เรื่องพระมหาชนก พระเจ้า ๕ พระองค์  วัดได้รับการถวายประตูอุโบสถจาก นายเกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ ประธานบริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๑ ล้านบาท หลังจากนั้นทุกปีนายเกรียงไกรก็จะมาช่วยงาน ที่วัดพระศรีอารย์เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่มาชมอุโบสถทองคำร้อยล้านแห่งนี้แล้ว ยังจะมีโอกาสได้กราบสักการะร่าง ของหลวงพ่อขันธ์ที่ ไม่เน่าเปื่อยอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ที่วัดพระศรีอารย์ ยังจัดศูนย์อบรมค่ายพุทธบุตร สอนให้ยุวชนเข้าใจถึงหลักคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่มาชมอุโบสถทองคำร้อยล้านแห่งนี้แล้ว ยังจะมีโอกาสได้กราบสักการะร่างของหลวงพ่อขันธ์ (อดีตเจ้าอาวาส) ที่ไม่เน่าเปื่อยอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 3223 2595 , 0 3223 1351
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางไปอำเภอโพธาราม เส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ห่างจากสี่แยกบางแพไปประมาณ 500 เมตร  จะพบป้ายทางเข้าอยู่ด้านขวามือ (ตั้งอยู่เลขที่ 139 ซอยสุขาภิบาล 8 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี )
รถโดยสาร โดยสารรถประจำทางที่มีเส้นทางเข้าสู่ ตลาดอำเภอโพธาราม จุดสังเกตุคือ จะอยู่ห่างจากสี่แยกบางแพไปประมาณ 500 เมตร จะพบป้ายทางเข้าวัดพระศรีอารย์อยู่ด้านขวามือ จากนั้นเดินเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร (ตั้งอยู่เลขที่ 139 ซอยสุขาภิบาล 8 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี )
สถานที่ท่องเที่ยว :